ทำการตลาด Retargeting บนระบบรวมแชท ดึงลูกค้ากลับมา สร้างยอดขายให้ธุรกิจ

การตลาดในปัจจุบันต้องยอมรับเลยค่ะว่า การลงทุนหาลูกค้าใหม่นั้นมีราคาแพงขึ้นทุกวัน เราทุ่มงบประมาณไปเยอะมาก ๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเจอเรา แต่สถิติที่น่าตกใจคือ อัตราการ abandoncart หรือลูกค้าสนใจสินค้า กดลงในตะกร้าแล้วไม่กดซื้อทันที กลับเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 69.99%  หรือราว 70% เลยทีเดียว ซึ่งหมายความว่ามีเพียงแค่ 30% เท่านั้นที่สนใจ และชำระเงินจนสำเร็จหลังกดสินค้าใส่ตะกร้าแล้ว เท่ากับว่าลูกค้าส่วนใหญ่ มักจะไม่ตัดสินใจซื้อทันทีที่เห็นสินค้าหรือทักเข้ามาสอบถาม นั่นเท่ากับว่าโอกาสทางธุรกิจจำนวนมากกำลังหลุดมือไป แล้วจะมีวิธีไหนบ้างมั้ย ทีเราจะสามารถกู้โอกาสที่หลุดลอยเหล่านี้ กลับมาเปลี่ยนเป็นยอดขายซ้ำได้อีกครั้ง คำตอบที่มีประสิทธิภาพและกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง คือการนำเอากลยุทธ์ Retargeting เข้ามาใช้กับเครื่องมือบริหารจัดการแชทลูกค้าอย่าง ระบบรวมแชท (Omni-Channel Chat) บทความนี้จะมาเจาะลึกให้เห็นภาพชัดเจนเลย ว่าการใช้สองเครื่องมือนี้ร่วมกัน จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถ ตามกลับไปปิดการขาย จากลูกค้าเก่า และลูกค้าที่เคยติดต่อมาแล้ว ได้อย่างมีชั้นเชิงและสร้างยอดขายได้แบบสบาย ๆ ยังไงบ้างกันเลย 

 

ทำความเข้าใจ Retargeting ผ่านแชท ทำไมถึงเวิร์ค?

เรามาดูกันว่าการ Retargeting กับ ระบบรวมแชท มีบทบาทสำคัญยังไง ในการดึงลูกค้าที่เคยสนใจ ให้กลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของเรากันค่ะ 

Retargeting คืออะไร?

ลองนึกถึงลูกค้าที่เกือบจะซื้ออยู่แล้ว เช่น กดสินค้าใส่ตะกร้าแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน ทิ้งตะกร้าให้ค้างอยู่ หรือคนที่ทักแชท มาถามข้อมูลอย่างละเอียด จนเราคิดว่าเขาจะซื้อแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็เงียบไป Retargeting คือ การทำการตลาดเพื่อ “ตามไปกระตุ้น” กลุ่มคนเหล่านี้โดยเฉพาะ จุดประสงค์คือการทำให้แบรนด์เป็นที่คุ้นเคย และกระตุ้นความต้องการ ที่พวกเขามีอยู่แล้วให้กลับมาซื้อหรือใช้บริการในที่สุด การทำ Retargeting ที่ดี คือการส่งข้อความที่ใช่ เพื่อช่วย ขจัดความลังเลสุดท้ายในใจลูกค้าให้หมดไป จนกลายเป็นตัดสินใจซื้อในทันทีนั่นเองค่ะ 

ระบบรวมแชท ช่องทางในการทำ Retargeting

หลายธุรกิจเจอปัญหาใหญ่ คือ ลูกค้าทักมาหลายช่องทางมาก ทั้ง LINE OA, Facebook Messenger หรือ Instagram DM ถ้าเราต้องสลับหน้าจอไปมาเพื่อตอบลูกค้าแต่ละคน นอกจากจะช้าแล้ว ยังเสี่ยงต่อการพลาดการติดต่อ และเสียโอกาสในการขายอีกด้วย ระบบรวมแชท จึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยการรวมทุกช่องทางการสนทนามาไว้ในที่เดียว ซึ่งส่งผลดีต่อการทำ Retargeting อย่างมากเพราะ 

  • โอกาสจะไม่หลุดมือแน่นอน ทีมงานตอบลูกค้าได้รวดเร็วทันใจ เพราะจะเห็นข้อความทั้งหมดในหน้าจอเดียว ลดความเสี่ยงที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปหาคู่แข่ง 
  • เก็บข้อมูลสำคัญ (First-Party Data) เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด คือความสามารถในการติดป้าย (Chat Tags) ให้กับลูกค้าแต่ละราย ข้อมูลนี้คือ ข้อมูลเชิงลึกที่เราได้มาโดยตรง จากบทสนทนาที่ลูกค้าบอกเราเอง 
  • จำแนกกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำ เมื่อเรามีป้ายกำกับแล้ว เราก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Broadcast  เพื่อส่งข้อความที่ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และ เฉพาะเจาะจง ไปยังลูกค้าที่มีความต้องการคล้ายกันได้ทันที  

 

การที่เราสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกจากบทสนทนา มาทำ Retargeting ได้ จะช่วยให้การสื่อสาร ไปหาลูกค้าของเรา ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงกว่าการยิงโฆษณาตามพฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์แบบทั่วไปมากเลยค่ะ เพราะเรารู้ว่าลูกค้าแต่ละคนติดปัญหาอะไรอยู่ และมีความต้องการแบบไหน เพื่อที่จะได้เสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ตรงจุดนั่นเอง  

 

Retargeting ลูกค้าเก่าด้วยแชทเดิม เพิ่มโอกาสปิดการขายแบบไม่ต้องเริ่มใหม่

ข้อดีของระบบรวมแชท คือการเปลี่ยนแชทเก่า ๆ ที่จบไปแล้ว ให้กลายเป็น โอกาสในการขายใหม่ ลูกค้าที่ทักมาคุยคือกลุ่มที่มีคุณภาพสูง เพราะเขาแสดงความตั้งใจซื้อ เราจึงต้องใช้ข้อมูลนี้ให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ จะใช้วิธีไหนได้บ้าง ไปดูกันเลย  

1. การติดแท็ก (Chat Tagging) แบ่งกลุ่มลูกค้าได้ตามต้องการ

ระบบรวมแชทที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ทีมงานสามารถ ติด Tag หรือกำหนดป้ายกำกับให้กับลูกค้าได้ทันที ตั้งแต่เริ่มการสนทนาเลย ซึ่งเป็นการจำแนกกลุ่มที่เจาะลึก มากกว่าแค่ดูพฤติกรรมบนเว็บไซต์ เพราะนี่คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ นั่นเอง 

ลองดูตัวอย่างการแบ่งกลุ่มเหล่านี้กันค่ะ 

  • ลูกค้าเทียบราคา คือคนที่ถามรายละเอียดสินค้าและคู่แข่งอย่างชัดเจนแล้วก็เงียบไป การ Retargeting กลุ่มนี้ควรเน้นการเสนอ “ความคุ้มค่า” หรือ “ความแตกต่างที่เหนือกว่า” ด้านคุณภาพ หรือจะเป็นการมอบสิทธิพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ค่าจัดส่งฟรี เพื่อกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อในทันทีได้ 
  • ลูกค้าที่สนใจคุณสมบัติเฉพาะ คือคนที่เน้นถามเรื่องการผ่อนชำระ การรับประกัน หรือสเปกบางอย่างของสินค้า ข้อความกระตุ้นจึงต้องเน้น “ตัวช่วยในการตัดสินใจ” ที่ตรงกับข้อกังวลนั้น เช่น แจ้งว่ามีทางเลือกการชำระเงินแบบใหม่ หรือส่งวิดีโอสาธิตการใช้งาน รีวิวจากผู้ใช้งานจริง ในส่วนที่พวกเขาสนใจเป็นพิเศษ 
  • ลูกค้าเก่าถึงรอบซื้อซ้ำ ในกรณีที่ ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไปแล้ว และถึงรอบที่ควรจะซื้อใหม่ ข้อความควรเน้น “ความสะดวกสบาย” และ “ความต่อเนื่อง” เช่น การแจ้งเตือนว่าสินค้ากำลังจะหมดอายุ และเสนอเซตเดิมที่คุ้มค่ากว่าเดิมสำหรับลูกค้าเก่าโดยเฉพาะ 

2. Broadcast Retargeting ส่งข้อเสนอที่ใช่ตรงเข้าถึงกล่องข้อความส่วนตัว

เมื่อเรามีกลุ่มเป้าหมายที่ถูกแบ่งอย่างแม่นยำด้วย Tag แล้ว เราสามารถใช้ฟีเจอร์ Broadcast ของช่องทางแชท เช่น LINE OA หรือ Messenger เพื่อส่งข้อความ Retargeting ที่ เฉพาะเจาะจง ตรงไปยังกล่องข้อความของลูกค้าที่เจาะจงนั้นได้ทันที 

ซึ่งข้อได้เปรียบของการ Retargeting ผ่านแชท นั้นมีสูงมาก ไม่ว่าจะเป็น 

  • การเปิดอ่านที่สูงมาก ข้อความในแชทส่วนตัวมีโอกาสถูกเปิดอ่านสูงกว่าโฆษณาในฟีดข่าวหรืออีเมลอย่างมากเลยล่ะ 
  • ปิดการขายได้รวดเร็ว เมื่อลูกค้าตอบกลับ ข้อความนั้นจะกลับมายังระบบรวมแชทของเราทันที ทำให้ทีมงานสามารถเข้าไปคุยต่อ และปิดการขาย ได้โดยไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป 
  • ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า เพราะการ Broadcast หาฐานลูกค้าที่เรามีอยู่แล้ว มักจะควบคุมค่าใช้จ่ายและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ง่ายกว่าการยิงโฆษณาแบบกว้าง ๆ แถมยังมีโอกาสปิดการขายได้มากกว่าด้วย 

 

เทคนิคการเขียนข้อความ Retargeting ในแชทให้โดนใจ

การสื่อสารผ่านแชท นั้นมีความเป็นส่วนตัวสูงมาก เราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ข้อความที่เราส่งไปนั้น มีความหมายกับเขาจริง ๆ และเรากำลัง ช่วยเหลือเขา ไม่ใช่แค่พยายามจะขายของ ลองทำตามเทคนิคง่าย ๆ นี้ได้เลย

1.ใช้บริบท เพื่อแสดงความใส่ใจ

การส่งข้อความที่แสดงให้เห็นว่า เราจำเขาได้ จะสร้างความประทับใจที่ดีมากค่ะ ข้อความที่ดีต้องสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าเคยสนใจหรือกังวลแทนที่เราจะส่งข้อความลดราคาทั่วไปไปให้ลูกค้า ให้เจาะจงไปเลยว่า “สวัสดีค่ะคุณเอ แอดมินจำได้ว่าคุณเอสนใจจักรยานรุ่น X สีเหลือง ตอนนี้เหลืออยู่ 2 คันสุดท้ายแล้วนะคะ มีโปรโมชั่นส่งฟรี! เฉพาะคุณเอที่สนใจสีนี้เลยค่ะ” 

2.สร้างแรงจูงใจด้วยมูลค่า เพิ่มเติม

บางครั้งลูกค้าไม่ได้ติดที่ราคา แต่ติดที่ความกังวลอื่น ๆ การเสนอ “มูลค่าเพิ่ม” ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขาจะกระตุ้นการตัดสินใจได้ดีกว่ามาก 

  • ถ้าลูกค้ากังวลเรื่องการใช้งาน ให้เสนอว่า “ทางเราได้เตรียมวิดีโอสอนการใช้งานฉบับย่อให้คุณเอ ดูก่อนเป็นการส่วนตัวค่ะ ลองนัดคิวให้ทีมงานโทรสอนการติดตั้งให้ฟรี เลยไหมคะ? 
  • ถ้าลูกค้ากังวลเรื่องความทนทาน ลองเสนอว่า “ตอนนี้มีข้อเสนอเพิ่ม รับประกันความเสียหายสูงสุด 1 ปี ให้กับสินค้าที่คุณสนใจ เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจเต็มที่เลยค่ะ” 

3.การใช้เงื่อนไขจำกัดที่สมเหตุสมผล

การสร้างความเร่งด่วนในการกระตุ้นการตัดสินใจเป็นสิ่งที่จำเป็นก็จริง แต่เราต้องบอกอย่างชัดเจนด้วยว่า ทำไมจึงต้องรีบตัดสินใจ เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นการเร่งรัดที่ไม่จำเป็นจนกลายเป็นความกดดันเกินไป 

  • ให้เน้นความเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล เช่น “โค้ดส่วนลด 500 บาท ที่เรามอบให้คุณ จะหมดอายุใน 24 ชั่วโมงนี้นะคะ เพื่อให้คุณได้ราคาที่ดีที่สุด พลาดไม่ได้แล้ว 
  • เน้นความจำกัดของสินค้า เช่น “สินค้าตัวท็อป ที่คุณเคยสอบถามเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้มีสินค้าพร้อมส่งเหลือเพียง 5 ชิ้นเท่านั้น หากสนใจ สามารถแจ้งให้แอดมินล็อคสินค้าให้ก่อนได้เลยค่ะ” 

 

4 ขั้นตอนสำหรับการ Retargeting ผ่านระบบรวมแชท

สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ นี่คือแผนที่สามารถนำไปปรับใช้กับระบบรวมแชทของคุณได้เลยค่ะ 

ขั้นตอนที่ 1 จัดกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด

ใช้ฟีเจอร์ Segmentation และ Tagging ของระบบรวมแชท เพื่อแยกกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมในแชทให้ชัดเจนที่สุด เช่น แยกเป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจผ่อน 0%, ลูกค้าที่ต้องการสเปกสูงสุด หรือลูกค้าที่ถึงรอบซื้อสินค้าซ้ำ เพื่อให้การสื่อสารของเราตรงจุดที่สุด 

ขั้นตอนที่ 2 กำหนดเส้นทางการสื่อสาร (Conversation Flow)

ออกแบบลำดับการส่งข้อความสำหรับแต่ละกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน และเราไม่ควรส่งข้อความขายทันทีที่ลูกค้าเงียบไป แต่ควรกำหนดลำดับการสื่อสารที่ค่อยเป็นค่อยไป เช่น 

  • 1 วันหลังจากที่ลูกค้าสอบถามสินค้า แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ให้ติดตามผลอย่างสุภาพด้วยข้อความเน้นการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ลูกค้าถูกทิ้งไว้กลางทาง 
  • 3 วันผ่านไปหลังจากติดตามผล ให้ส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือวิดีโอรีวิวเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ 
  • หากไม่มีการตอบกลับหลังจากนั้น 5 – 7 วัน ค่อยส่งข้อความที่มีข้อเสนอหรือเงื่อนไขพิเศษที่เกี่ยวข้องเพื่อกระตุ้นให้ปิดการซื้อ 

 

ขั้นตอนที่ 3 ใช้ Chatbot ช่วยติดตามผลอัตโนมัติ

เพื่อรองรับลูกค้าจำนวนมาก โดยที่ทีมงานไม่ต้องทำงานซ้ำซ้อน ให้ใช้ Chatbot ในระบบรวมแชท เพื่อตั้งค่าข้อความติดตามผลอัตโนมัติ (Automated Followup) สำหรับลูกค้าที่ขาดการติดต่อไปนานเกิน 24-48 ชั่วโมง โดย Chatbot จะส่งข้อความแรกตามบริบทที่ลูกค้าเคยคุยไว้ และทันทีที่ลูกค้าตอบกลับ ระบบก็จะส่งต่อให้ทีมงานที่เป็นมนุษย์เข้ามารับช่วงต่อเพื่อปิดการขายทันที ถือเป็นการใช้เทคโนโลยีมาช่วยรักษาโอกาสทางการขายได้ดีเลยล่ะ 

ขั้นตอนที่ 4 วัดผลและดูแลความถี่ในการส่ง

คุณต้องวัดผลตอบรับของแต่ละแคมเปญ Broadcast Retargeting อย่างสม่ำเสมอ KPIs ที่สำคัญ ได้แก่

  • อัตราการเปิดอ่าน (Open Rate) 
  • อัตราการตอบกลับ (Reply Rate) 
  • ยอดขายที่เกิดขึ้น (Conversion Rate) 
  • อัตราการบล็อกหรือยกเลิกรับข้อความ (Block/Unsubscribe Rate) 

 

การวัด Block Rate มีความสำคัญอย่างมาก ในการควบคุมความถี่ในการส่ง (Frequency Cap) เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นและการรบกวนลูกค้า เพราะถ้าทำถี่เกินไป ลูกค้าอาจจะตัดสินใจเลิกซื้อหรือบล็อกแบรนด์คุณไปเลยก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ แทนที่จะได้ยอดขายมากขึ้น กลับต้องเสียทั้งลูกค้า และยอดขายก็ยังติดลบอีกด้วย 

 

การคำนวณมูลค่า Retargeting ผ่านแชทคุ้มค่ากว่าโฆษณายังไง?

แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือทีมการตลาด ก็ย่อมต้องการ Return on Investment (ROI) ที่สูงสุด แลการทำ Retargeting ผ่านแชทให้ความคุ้มค่าที่แตกต่างจากโฆษณาแบบกว้าง ๆ อย่างชัดเจนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น 

  • ต้นทุนต่อการปิดการขาย (CPC) ที่ต่ำกว่า เพราะการส่งข้อความ Broadcast Retargeting ไปหาฐานลูกค้าเดิม ที่เคยสนใจสินค้าอยู่แล้ว จะมีต้นทุนต่อการขายสำเร็จ (Cost Per Conversion) ที่ต่ำกว่าการทุ่มงบประมาณไปกับการยิงโฆษณาหาลูกค้าใหม่ (Acquisition Ads) อย่างมาก เพราะคุณไม่ได้เสียค่าประมูลโฆษณา แต่กำลังลงทุนกับ Lead ที่มีคุณภาพสูงที่อยู่ในมืออยู่แล้ว 
  • ค่าใช้จ่ายที่คาดการณ์และควบคุมได้ เพราะต้องบอกว่าการ Broadcast หาฐานลูกค้าที่คุณมีอยู่แล้ว มีค่าใช้จ่ายที่คงที่และคาดการณ์ได้ ตามจำนวนลูกค้าที่ให้ความยินยอม (Optin) ทำให้การวางแผนงบประมาณแม่นยำกว่าการยิงโฆษณาที่ต้องใช้การประมูลราคา (Bidding) อีกด้วย 

 

สิ่งสำคัญต้อง Retargeting แบบถูกกฎหมายและไร้ความเสี่ยงด้วย

ในยุคที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA มีความเข้มงวดมาก ๆ  การทำการตลาดผ่านแชทถือเป็นรากฐานที่มั่นคงและถูกต้องตามกฎหมายที่สุด 

  • สร้างฐานลูกค้าแบบได้รับความยินยอม (Optin) การทำ Retargeting ผ่านแชทจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อลูกค้ายินยอม (Consent) ให้คุณติดต่อผ่านช่องทางนั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าคุณคือ เจ้าของข้อมูลโดยตรง และมีสิทธิ์เข้าถึงฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืน 
  • กลไกการจัดการ Block/Unsubscribe อัตโนมัติ ระบบรวมแชทที่ดีควรมีฟังก์ชันจัดการลูกค้าที่เลือก Block หรือ Unsubscribe ได้โดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการส่งข้อความซ้ำซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและการถูกร้องเรียน แต่ยังช่วยรักษาความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาวด้วย 

 

เปลี่ยนทุกแชทที่เคยคุยให้เป็นโอกาสสร้างยอดขาย

ระบบรวมแชทไม่ได้เป็นเพียงแค่กล่องตอบแชททั่วไปแล้วค่ะ แต่มันคือ เครื่องมือการตลาดและการขายที่ทรงพลัง ในการทำ Retargeting ที่เน้นการสื่อสารแบบตัวต่อตัว สำหรับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจ การนำกลยุทธ์ Retargeting มาใช้จะช่วยให้คุณลดต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ เพราะคุณกำลังปิดการขายจาก Lead ที่มีคุณภาพอยู่แล้ว เพิ่มมูลค่าของลูกค้าในระยะยาว ด้วยการสร้างความสัมพันธ์และกระตุ้นการซื้อซ้ำได้อย่างแม่นยำ และที่สำคัญยังสร้างฐานข้อมูลลูกค้า First-Party Data ที่แข็งแกร่งด้วย ถึงเวลาแล้วที่เราจะใช้ประโยชน์จากทุกบทสนทนาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพื่อกลับไปปิดการขาย สร้างความประทับใจ และทำให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน คลิกที่นี่เลย  

 

Related Articles

Mourning Ribbon