hamburger

เปิดกลยุทธ์ 6 ขั้นตอนวางแผนแคมเปญการตลาด ที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ คนมักจะใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์เกินกว่าครึ่งวันแน่นอน และบางคนแทบจะใช้เวลาทั้งวันวันเลยก็ว่าได้ การทำแคมเปญบนโลกออนไลน์จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว แต่จะทำยังไงให้การสื่อสารไปหาลูกค้าแต่ละครั้ง ไม่ได้เป็นแค่การสื่อสารข้อความธรรมดา ๆ แต่เปลี่ยนให้มันเป็นเครื่องมือสร้างยอดขายที่ปัง ๆ ได้ และนี่คือ 6 ขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญการตลาดผ่านแชทให้โดนใจและเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 

 

6 ขั้นตอนวางแผนแคมเปญการตลาด

เพราะข้อความธรรมดาอาจไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างยอดขายได้ การสร้างแคมเปญการตลาดที่น่าสนใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนข้อความเหล่านั้น ให้กลายเป็นยอดขายที่จับต้องได้จริง ซึ่ง 6 ขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนแคมเปญการตลาดให้โดนใจและละดึงดูดใจลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้เลย 

1. กำหนดวัตถุประสงค์ และกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

ขั้นตอนแรก และสำคัญที่สุดก็คือ การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าคุณต้องการอะไรจากแคมเปญนี้ เช่น ต้องการเพิ่มยอดขายเท่าไหร่ หรืออยากเพิ่มจำนวนผู้ติดตามกี่คน และหลังจากนั้น ก็ต้องรู้ว่า ลูกค้าของคุณคือใคร พวกเขาชอบอะไร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียอะไรบ้าง ซึ่งการมีข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและส่งถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกคน

2. กำหนดกลยุทธ์และแนวคิดหลักของแคมเปญ

เมื่อรู้เป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลา มาคิดกลยุทธ์และคอนเซปต์ หลักของแคมเปญว่าจะสื่อสารเรื่องอะไรบ้าง และด้วยวิธีไหนดี เพื่อให้แคมเปญของคุณดูน่าสนใจ และแตกต่างจากคู่แข่ง ลองหาไอเดียเจ๋ง ๆ ที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณมาใช้ดู เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่การขายของ แต่เป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม

3. เลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม

แต่ละช่องทางก็มีลักษณะและกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ช่องทางให้เหมาะกับแคมเปญจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ถ้าลูกค้าของคุณอยู่ใน TikTok ก็ควรเน้นสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้น ๆ ที่สนุกและดึงดูดใจ หรือถ้าลูกค้าชอบดูรูปสวย ๆ ก็เน้นไปที่ Instagram แทน การเลือกช่องทางที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

4. กำหนดงบประมาณ และทรัพยากรที่ต้องใช้

การวางแผนงบประมาณ เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี ว่าแคมเปญนี้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่? ทั้งในส่วนของการยิงโฆษณา ค่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ หรือค่าทำคอนเทนต์อื่น ๆ รวมไปถึงการวางแผนกำลังคน ว่าใครจะรับผิดชอบงานส่วนไหนบ้าง เพื่อให้งานทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่สะดุดกลางคันนั่นเอง

5. ดำเนินการและกำหนดระยะเวลา

หลังจากเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็ถึงเวลา ลงมือทำ ตามแผนที่วางไว้ การกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในแต่ละขั้นตอน จะช่วยให้คุณและทีมทำงานได้อย่างมีทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มปล่อยแคมเปญเมื่อไหร่? จะทำกิจกรรมร่วมสนุกนานแค่ไหน? ซึ่งการมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจะช่วยให้งานไม่สะดุดและเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง

6. ติดตามและวัดผลแคมเปญ

เมื่อแคมเปญจบลงแล้ว อย่าเพิ่งหยุด! สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องทำ คือการติดตามและวัดผลลัพธ์ ว่าแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่? ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าไหร่? มีคนสนใจสินค้ามากขึ้นจริงมั้ย? การประเมินผลจะช่วยให้คุณรู้จุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงในแคมเปญต่อไป เพื่อให้การทำการตลาดในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

มาดูตัวอย่างการสร้างแคมเปญการตลาดง่าย ๆ ที่เห็นภาพชัดเจนกันเลย

ผู้เขียนขอยกตัวอย่าง 2 เคสที่แตกต่างกันมาให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างแรกคือ แคมเปญของร้าน Cone Coffee ที่ต้องการกระตุ้นยอดขายเฉพาะวันจันทร์

ลองนึกภาพตามนะคะ ว่าคุณคือเจ้าของร้านกาแฟนี้ แล้วอยากให้คนเข้าร้านวันจันทร์มากขึ้น คุณจะทำยังไง?  

ขั้นตอนที่ 1 กำหนดวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

  • วัตถุประสงค์ของร้าน Cone Coffee คือ “อยากเพิ่มยอดขายวันจันทร์” และ “อยากได้ลูกค้าใหม่” เพราะปกติวันจันทร์คนจะเข้าร้านน้อย
  • กลุ่มเป้าหมายจะเป็น “นักเรียน นักศึกษา และคนวัยทำงาน” ที่กำลังมองหากาแฟดี ๆ สำหรับเริ่มต้นสัปดาห์

 

ขั้นตอนที่ 2 กำหนดกลยุทธ์แคมเปญ พอมีเป้าหมายแล้ว ร้านก็คิดว่ามันก็ต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าวันอื่น ๆ ซึ่งกลยุทธ์ที่ ร้าน Cone Coffee ใช้ในแคมเปญกระตุ้นยอดขายวันจันทร์ คือ  “โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 เฉพาะวันจันทร์เท่านั้น! ” ที่กระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ามาก ๆ  เพื่อให้คนรีบมาในวันนั้นนั่นเอง

 

ขั้นตอนที่ 3 คือเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสมที่สุด เมื่อมีโปรโมชันแล้ว ก็ต้องบอกให้ลูกค้ารู้

  • ร้าน Cone Coffee เลือกใช้ช่องทางที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้เป็นประจำ อย่างการโพสต์รูปสวย ๆ และวิดีโอสั้น ๆ บน Facebook และ Instagram พร้อมข้อความที่ชวนให้มา คือ “เริ่มต้นสัปดาห์ ให้พร้อมลุยตลอดทั้งวัน ซื้อกาแฟ 1 แก้ว แถมฟรีอีก 1 แก้ว รีบเลย เฉพาะวันจันทร์เท่านั้น!”
  • และมีการติดป้ายเล็ก ๆ หน้าร้านให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นด้วย

 

ขั้นตอนที่ 4 คือการกำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่ต้องใช้ ซึ่งร้าน Cone Coffee ได้เตรียมพร้อมในเรื่องต้นทุนและกำลังคน โดยพนักงานในร้านทุกคนต้องรู้โปรโมชันนี้ดีและต้องเตรียมของไว้ให้พร้อมสำหรับทุกวันจันทร์ด้วย เพราะถ้าลูกค้าแห่กันมาแล้วของหมด ก็คงไม่ดีแน่

 

ขั้นตอนที่ 5 ดำเนินการและกำหนดระยะเวลา เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ร้าน Cone Coffee ก็ได้เริ่มแคมเปญ โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 ทุกวันจันทร์ เป็นเวลา 2 เดือนทันที ซึ่งในระหว่างสัปดาห์แรกก็ได้ดูผลตอบรับด้วย และสามารถปรับเปลี่ยนได้หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั่นเอง

 

และสุดท้ายขั้นตอนที่ 6 คือร้านได้มีการติดตามและวัดผลหลังจากจบแคมเปญด้วย ซึ่งก็พบว่า

  • ยอดขายในวันจันทร์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มีลูกค้าใหม่เข้าร้านเยอะมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแคมเปญนี้ได้ผลดีมาก ๆ เลยล่ะ
  • ที่สำคัญร้าน Cone Coffee ยังได้ฐานลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำที่มาซื้อโปรโมชั่นนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย แล้วก็ยังเอาข้อมูลพฤติกกรรมความชอบของลูกค้าจากแคมเปญนี้ มาวางแผนคิดแคมเปญใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้า และพลักดันยอดขายได้เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

 

ตัวอย่างที่ 2 ของบริษัท Lumen Volt กับแคมเปญ Test Drive เพื่อโลกที่ดีกว่า

แคมเปญนี้จะต่างจากร้านกาแฟหน่อย เพราะไม่ได้เน้นขายทันที แต่เน้นสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูดี และเป็นที่รู้จักก่อน

ขั้นตอนที่ 1 คือการ กำหนดวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

  • ซึ่งวัตถุประสงค์ คือ บริษัทอยากเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ และต้องการ “สร้างการรับรู้” ให้คนรู้จักรถรุ่นนี้ รวมถึง “สร้างภาพลักษณ์ที่ดี” ว่าแบรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย
  • และกลุ่มเป้าหมาย ก็คือ “คนรุ่นใหม่” ที่สนใจเทคโนโลยีและใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

 

ขั้นตอนที่ 2 กำหนดกลยุทธ์และแนวคิดหลักของแคมเปญ แทนที่จะบอกแค่ว่า “มาซื้อรถเราสิ” แต่ บริษัท Lumen Volt ใช้วิธีให้คนได้ “ทดลองขับฟรี” เพื่อให้ได้สัมผัสรถจริง ๆ และใช้แนวคิดหลักที่เชื่อมโยงกับเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยสโลแกน “เพื่อโลกที่ดีกว่า” แถมมีของที่ระลึกพิเศษให้เป็นของแถมด้วย

 

ขั้นตอนที่ 3 เลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม

  • โดยแคมเปญนี้จะเน้นโฆษณาที่ดูดีมีเรื่องราวบน YouTube และ Facebook ที่เน้นเรื่องการรักษ์โลก
  • และ Lumen Volt ต้องการจัดงานอีเวนต์ทดลองขับในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าได้มาสัมผัสรถจริง ๆ ด้วย

 

ขั้นตอนที่ 4 กำหนดงบประมาณและทรัพยากรที่ต้องใช้ ซึ่งบริษัท Lumen Volt ได้วางแผนงบประมาณสำหรับค่าจัดงานและค่าโฆษณา รวมถึงมีการเตรียมรถให้พร้อมและมีทีมงานที่คอยอธิบายเรื่องรถและสิ่งแวดล้อมให้ลูกค้าเข้าใจ และยังได้เตรียมของที่ระลึกคือถุงผ้ารักษ์โลกตามความประสงค์ของแคมเปญ ให้พอสำหรับทุกคนที่มางานด้วย

 

ขั้นตอนที่ 5 ดำเนินการและกำหนดระยะเวลา โดยบริษัท Lumen Volt ได้จัดงานอีเวนต์ทดลองขับเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเลือกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในเดือนตุลาคม เพื่อให้ผู้สนใจมีเวลาเข้าร่วมงานได้สะดวก

 

และมาถึงขั้นตอนที่ 6 คือการติดตามและวัดผลหลังจากจบแคมเปญ โดยพบว่าโฆษณาที่ได้โปรโมทไปได้ยอดวิวและแชร์เยอะมาก ๆ รวมถึงในงานมีลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาที่งานเพื่อทดลองขับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้วันละหลายร้อยคน และมีการสอบถามเรื่องวันจองรถอีกด้วย ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์และการรับรู้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

 

สรุปแล้ว

การสร้างแคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การ “ส่งข้อความ” แต่คือการ “สร้างยอดขาย” ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนตาม 6 ขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ไปจนถึงการวัดผลเพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ทุกการสื่อสารกลายเป็นเครื่องมือทำเงินที่ทรงพลังและยั่งยืนสำหรับธุรกิจของคุณได้ในระยะยาวแน่นอน 

Related Articles