hamburger

Rich Menu คืออะไร พร้อม 6 เคล็ดลับใช้ Rich Menu เพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

หลายคนคงเกิดข้อสงสัย ว่าการขายของใน LINE Official Account หรือ LINE OA มันดูยุ่งยากและเสียเวลาหรือเปล่า? ทั้งที่ลูกค้าทักมาแต่กลับหายเงียบไป หรือต้องคอยตอบคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่ แสดงว่าคุณยังไม่ได้ใช้ตัวช่วยสำคัญ นั่นคือ Rich Menu นั่นเอง แต่ต้องบอกว่า Rich Menu คือไม่ได้เป็นแค่ภาพสวย ที่เห็นในห้องแชทนะ แต่เหมือนแคตตาล็อกสินค้า, ป้ายโปรโมชั่น, หรือปุ่มสั่งซื้อที่พร้อมให้ลูกค้ากดได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์หาอะไรเลย แล้วจะทำยังไงให้ Rich Menu ของคุณโดดเด่นและช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง มาดู 6 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณใช้ Rich Menu ได้แบบมืออาชีพกันค่ะ 

 

Rich Menu คืออะไร

มารู้จักกับ LINE Rich Menu หรือ ริชเมนู กันก่อน ซึ่ง Rich Menu คือหนึ่งในฟีเจอร์ของ LINE Official Account (LINE OA) ที่จะให้คุณสร้าง Template เมนูลัดที่แสดงบนหน้าจอ ระหว่างร้านค้ากับลูกค้าทุกคนที่กด Add หรือ Chat บน LINE OA ของแบรนด์คุณ ซึ่ง Rich Menu เป็นเหมือนทางลัดที่ช่วยให้แบรนด์สามารถพาลูกค้าไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของแบรนด์ เพื่อปิดการขาย หรือช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ประหยัดเวลาที่ต้องมาคอยไล่ตอบลูกค้าทีละคนในคำถามเดิม ๆ รวมถึงช่วยในด้านการส่งเสริมการขาย และการบริการลูกค้าอีกด้วย 

 

แล้ว Rich Menu สำคัญต่อธุรกิจยังไงบ้าง

ลองนึกดูสิว่า ถ้าลูกค้าสนใจสินค้าของคุณ แล้วเห็นปุ่ม ช้อปเลย!”ด่นมาก ๆ  เขาก็คงไม่ลังเลที่จะกดใช่มั้ย? ความง่ายและรวดเร็วแบบนี้แหละ ที่จะเปลี่ยนจากลูกค้าที่แค่สนใจ เป็นพร้อมซื้อ ได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ และยังช่วยลดภาระการตอบคำถามซ้ำ ๆ ของแอดมิน ทำให้มีเวลาไปดูแลลูกค้าในส่วนที่สำคัญกว่า ซึ่งเท่ากับว่าคุณกำลังยกระดับการบริการลูกค้าไปอีกขั้นโดยใช้เวลาน้อยลงมากกว่าเดิมเยอะเลย

 

6 เคล็ดลับใช้ Rich Menu ยังให้ปัง ยอดขายพุ่ง

เมื่อเราเข้าใจความหมายและความสำคัญของ Rich Menu กันมากขึ้นแล้ว ต่อไป เรามาดูเคล็ดลับ ที่จะช่วยให้คุณใช้ Rich Menu ได้อย่างมืออาชีพ และช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณแบบก้าวกระโดดกันเลย

1. เลือกเทมเพลตให้เหมาะกับเป้าหมายและ Journey ของลูกค้า

อย่าเพิ่งคิดว่าต้องใช้ทุกช่องในเทมเพลตให้เต็ม สิ่งสำคัญคือการเลือกดีไซน์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้าและเป้าหมายหลักของคุณ หากอยากกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ให้เลือกเทมเพลตที่เน้นปุ่มสั่งซื้อหรือโปรโมชันใหญ่เป็นพิเศษ หรือถ้าอยากโชว์สินค้าให้เห็นชัด ๆ ลองใช้เทมเพลตแนวตั้งที่มีพื้นที่แสดงผลกว้าง ๆ การเลือกเทมเพลตที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและไม่สับสน 

ยกตัวอย่างเช่น  

  • ถ้าคุณเปิดร้านอาหาร ก็สามารถใช้เทมเพลตที่มี 4 ช่องหลัก ๆ เพื่อแสดงเมนูแนะนำ, โปรโมชันประจำสัปดาห์, การจองโต๊ะ, และปุ่มสั่งเดลิเวอรี่ได้เลย จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าและตอบโจทย์ลูกค้าที่กำลังหาร้านอาหารทานได้ดีเลย
  • หรือถ้าเป็นร้านเสื้อผ้า ก็เลือกเทมเพลตขนาดใหญ่ เพื่อโชว์คอลเลกชันใหม่ล่าสุด พร้อมปุ่ม “ช้อปเลย” ที่เห็นได้ชัด ๆ เป็นจุดสนใจให้ลูกค้าอยากกดสั่งซื้อในตอนนั้นเลยล่ะ 

2. ภาพต้องคมชัด ดึงดูดสายตา และสื่อสารได้ทันที

รูปภาพคือสิ่งแรกที่ลูกค้าเห็นและเป็นตัวตัดสินว่าจะกดหรือไม่ ดังนั้นต้องใช้ภาพที่สวยงาม คมชัด และสื่อสารได้ในทันทีว่าปุ่มนี้คืออะไร จะช่วยดึงดูดความสนใจได้ทันที และที่สำคัญอย่าลืมใช้สีสันและสไตล์ที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย 

ลองมาดูตัวอย่างกัน 

  • แบรนด์เครื่องสำอาง cc cosmetic ออกแบบเป็นภาพลิปสติกสีสวย ๆ ที่กำลังเป็นเทรนด์ พร้อมข้อความว่า “ลิปสติกรุ่นใหม่” ทำให้ลูกค้าอยากกดเข้าไปดู  
  • ร้านคาเฟ่ cone coffee ได้ใช้ภาพกาแฟลาเต้สวย ๆ และขนมเค้กชวนอยากลิ้มลอง ที่สื่อถึงเมนูแนะนำประจำร้านได้ดี   

3. ชูโปรโมชันและข้อเสนอสุดพิเศษให้โดดเด่น

Rich Menu คือพื้นที่ทองคำสำหรับโปรโมชันเลยล่ะ  ลองออกแบบเทมเพลตที่มีรูปคำว่า “Sale” หรือ “ลดราคา” ตัวใหญ่ ๆ หรือใช้สีที่สะดุดตา เพื่อให้ลูกค้าสังเกตเห็นโปรโมชันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะโปรโมชันที่ดีจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและปิดการขายได้เร็วขึ้นมาก 

4. ต้องอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ เพิ่มความน่าสนใจให้แบรนด์

ถ้า Rich Menu ของคุณดูเก่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ลูกค้าอาจจะรู้สึกว่าร้านของคุณไม่ Active ลองอัปเดต Rich Menu ให้ดูสดใหม่อยู่เสมอ เหมือนกับการทำคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียทั่วไป เช่น การเปลี่ยนรูปภาพเมื่อมีสินค้าใหม่ หรือเปลี่ยนข้อความให้เข้ากับแคมเปญล่าสุด การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ทันสมัยได้ดีเลย 

5. ปรับดีไซน์ตามเทศกาลหรือช่วงเวลาสำคัญด้วย

การเปลี่ยนสีสันหรือดีไซน์ Rich Menu ตามเทศกาลต่าง ๆ เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ หรือช่วงลดราคาใหญ่ ๆ อย่าง 11.11 และ Black Friday จะช่วยสร้าง Mood & Tone ให้เข้ากับช่วงเวลานั้น ๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกอินและอยากกดดูมากขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดขายทางอ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยนะ 

ยกตัวอย่างตามเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น  

  • ในช่วงปีใหม่ ร้าน Cone Perfume ได้เปลี่ยน Rich Menu ให้มีรูปกล่องของขวัญและป้าย “Gift Set ปีใหม่” พร้อมจัดเป็น Perfume Special Set ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ต้องการหาของขวัญปีใหม่เป้นอย่างดีเลยล่ะ 
  • หรือในช่วงวาเลนไทน์ ร้านขนมหวาน ก็ได้เปลี่ยนโทนสีเป็นชมพูและแดง พร้อมปุ่ม “ของขวัญสำหรับคนพิเศษ” ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ต่างก็มองหาของขวัญสุดพิเศษอยู่แล้ว เป็นการกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดีเลย 

6.ใช้ข้อความกระตุ้นการตัดสินใจ (Call to Action) ที่ชัดเจน

นอกจากภาพสวย ๆ แล้ว อย่าลืมใส่ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนลงไปในรูปภาพของ Rich Menu ด้วย เช่น “ช้อปเลย!”, “ดูโปรโมชัน”, หรือ “สอบถามเพิ่มเติม” เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าเมื่อกดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความสับสนและเพิ่มโอกาสในการคลิกได้อย่างมากเลยล่ะ 

 

สรุป

Rich Menu ไม่ใช่แค่รูปภาพตกแต่งแชทธรรมดา แต่ Rich Menu คือทางลัดสู่การสร้างยอดขายแบบมืออาชีพและง่ายขึ้นมากเลยล่ะ ลองจินตนาการว่า Rich Menu คือ หน้าร้านออนไลน์ที่เปิดตลอดเวลา พร้อมให้ลูกค้าช้อปได้ทันทีแค่ปลายนิ้ว  ก็ทำให้ธุรกิจคุณสร้างยอดขายได้ตลอดเวาแล้ว และการนำเคล็ดลับต่าง ๆ ทั้งการเลือกเทมเพลตที่ใช่ หรือใส่คำกระตุ้นที่โดนใจ ก็จะช่วยเปลี่ยนลูกค้าที่สนใจให้กลายเป็นลูกค้าที่พร้อมซื้อได้ในทันที ไม่ต้องให้ลูกค้ารอแอดมินมาตอบอย่างเดียว ลดงานให้แอดมิน และจะทำให้ลูกค้าของคุณประทับใจในการบริการผ่านแชทแน่นอน ทำให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือและแตกต่างจากคู่แข่งอีกด้วย 

 

 

Related Articles